Photo: https://bit.ly/3Q1FEUl
ไม่มีความเที่ยงแท้ใดภายใต้ดวงอาทิตย์
.......................................
“ความกังวลใจที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์
ทุกวันของเขามีแต่ความทุกข์
งานของเขาคือความกังวลใจ
แม้ในเวลากลางคืน จิตใจของเขาก็ยังไม่ได้หยุดพัก
นี่ก็ไม่เที่ยงแท้ด้วย”
(ปัญญาจารย์ 2:22-23)
ในหนังสือปัญญาจารย์บทนี้เหมือนเป็นเสียงเรียกเตือนฉัน
ในวันที่ฉันสาละวนอยู่กับภาระหน้าที่การงาน
ที่คาดหวังว่ามันจะต้องออกมาดีและผิดพลาดน้อยที่สุด
โดยปกติฉันจะเป็นคนที่นอนหลับง่ายและเข้านอนแต่หัวค่ำ
เพราะฉันต้องการที่จะตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่อย่างสดใส
เพื่อจะได้มีพลังในการทำหน้าที่อย่างดีที่สุดตลอดทั้งวัน
แต่เมื่อความคาดหวังต่อหน้าที่ของฉัน
กลับเปลี่ยนเป็นความกดดัน จริงจัง มุ่งมั่นที่จะต้องทำให้ดีที่สุด
ทั้งๆที่ฉันมักปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่าฉันไม่คิดมาก ฉันปล่อยวางได้
มันน่าแปลกที่ความรู้สึกเหล่านั้น ไม่ทำร้ายฉันในช่วงตลอดวันที่ฉันมีเวลาคิดนั้นทำนี่
มันกลับมาทำร้ายฉันในยามค่ำคืนที่ฉันกำลังหลับใหล
มันปลุกฉันขึ้นมายามค่ำคืน และวนเวียนหลอกหลอนฉันจนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่
ฉันไม่สามารถควบคุมจิตของฉันให้สงบและหลับใหลต่อไปอีกได้เลย
ในหนังสือปัญญาจารย์กล่าวว่า
“ไม่เที่ยงแท้ที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยงแท้
เพราะคนที่ตรากตรำทำงานโดยใช้ปรีชาญาณ ความรู้และความชำนาญ
จะต้องละทิ้งผลงานให้เป็นมรดกแก่คนที่ไม่ได้ตรากตรำเพื่องานนั้นเลย”
(ปัญญาจารย์ 1:2-4)
อย่างไรเสีย ฉันก็ยังเห็นว่า มนุษย์เราจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อเราสร้างผลงานที่ดี
เพื่อรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยความรักตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
แต่ปัญญาจารย์ก็เป็นเหมือนเสียงเตือนใจ
เป็นเหมือนเบรกชีวิต ที่เมื่อเราวิ่งไปสุดแรง เต็มกำลัง
เราอาจจะลืมไปว่า เรากำลังออกแรงทำเพื่อรับใช้ผู้อื่น หรือเพื่อรับใช้ตัวเอง
เพื่อสร้างสุขให้ผู้อื่น หรือเพื่อสร้างสุขให้ตนเอง
เพื่อเสริมสร้างผู้อื่น หรือเพื่อเสริมสร้างตนเอง
บางทีเราอาจจะกำลังทำเพื่อสร้างอำนาจ บารมีให้ตนเองก็ได้
เสียงปัญญาจารย์จึงเป็นเหมือนเสียงเตือนใจให้เราไม่หลงระเริง
ออกนอกประเด็นหลักของเป้าหมายที่แท้จริงที่เราควรจะทำ
ไม่หลงระเริงไปกับความโลภจากความคาดหวังต่างๆของโลกนี้
“จงระวัง และรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด
เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา
แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม”
(ลูกา 12:14)
ฉันเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังต้องการการยอมรับจากคนรอบข้าง
ยังดำเนินชีวิตอยู่บนความคาดหวังของตัวเองและคนรอบข้าง
ยังปรารถนาความสุขสมหวังฝ่ายกาย
แต่ฉันยังโชคดีที่ฉันมีพระวาจาคอยชี้นำทาง
ในวันที่ฉันกำลังจะเดินหลงออกนอกเส้นทางเสมอ
พระวาจาจะคอยเตือนและแตะเบรกชีวิตให้กับฉัน
ไม่ให้ฉันหลงใหลได้ปลื้มไปจนลืมตัว
แต่ก็ยอมให้เวลากับความสุขอย่างพอประมาณสำหรับกำลังใจบนโลกใบนี้ของฉัน
คำชื่นชมแต่พอควร ของรางวัลแต่พอประมาณ
ล้วนเป็นของประทานที่พระเจ้าทรงพระเมตตาประทานให้ฉัน
“พระเจ้าตรัสกับเขา(ฉัน)ว่า คืนนี้เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป
แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า
คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเอง
แต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้”
(ลูกา 12:20-21)
อนิจจัง อนิจจัง เอวังเอ๋ย
เช้าล่วงเลย เย็นล่วงลับ แล้วดับหาย
โลกหมุนเวียน เปลี่ยนไป ไม่เว้นวาย
เช้าจรดสาย บ่ายจรดค่ำ จำตรึกตรอง
ที่ผ่านมา ก็ผ่านไป ไม่แปรเปลี่ยน
แล้ววนเวียน เปลี่ยนผัน วันหม่นหมอง
รังเกียจทุกข์ ร้องหาสุข มาครอบครอง
แต่หามี ใครจับจอง สุขได้เลย
สะสมใด ไหนเล่า เท่ามีธรรม
คอยชี้นำ ธรรมทาง วางนิ่งเฉย
โลกเปลี่ยนผัน แต่ใจฉัน ไม่เปลี่ยนเลย
เพราะคุ้นเคย อนิจจัง เอวังจริง
--------------------------------------------
เติมวิตามินใจด้วยพระวาจา
ไปกับ น้ำผึ้งหวาน
(Theresa Paradee Thescharee)
27-07-2022
คัดลอกLinkเพื่อแบ่งปันบทความ >> https://bit.ly/3cQrkQs